โรคโควิทมีอาการอย่างไรและควรป้องกันอย่างไร

ในปัจจุบันนี้เรื่องของโรคโควิทนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าให้ความสนใจกันมากๆด้วยเพราะว่าโรคโควิทนั้นก็เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายเลยดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เราเองก็ควรที่จะต้องให้ความสนใจมากๆด้วยจึงจะยิ่งดีเพราะอย่างน้อยในเรื่องของโควิทนั้นหากเราเป็นขึ้นมาแล้วได้มีการรักษาที่ถูกต้องนั้นก็จะทำให้เราหายไวยิ่งขึ้นด้วย และแน่นอนว่าเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เราเองก็ควรที่จะต้องอย่าละเลยหรือมองข้ามไปเลยจึงจะยิ่งดีอย่างน้อยการที่เราไม่ละเลยไปแล้วนั้นก็จะช่วยทำให้เราอาจจะไม่เป็นโควิทขึ้นมาได้เลยและที่สำคัญในเรื่องของโควิทนั้นเราจึงควรที่จะต้องให้ความสนใจกันอย่างมากมายด้วยเพราะฉะนั้นในเรื่องของโควิทก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเสมอไปเลย โรคโควิทนั้นมีอาการมีไข้สูง ไอแห้งๆ อ่อนเพลีย มีเสมหะ หรือจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นสัมผัสก็ไม่รู้รสชาติอันนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องที่เราเองก็ควรที่จะต้องให้ความสนใจด้วยและรีบติดต่อหน่วยงานโรงพยาบาลเพื่อรักษาให้ทันเวลาจึงจะส่งผลที่ดีอย่างที่สุดเลยและที่สำคัญโควิทก็จะช่วยทำให้เรานั้นได้รู้จักที่จะดูแลตัวเองให้มากๆด้วยจะได้ไม่เกิดผลกระทบขึ้นกับเราด้วยนั้นเอง คนที่เป็นโควิทนั้นก็จะมีการเสียเวลาในเรื่องของการรักษาตัวด้วยเพราะการรักษาในแต่ละครั้งนั้นก็มักที่จะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะหายดีดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เราเองก็ควรที่จะต้องอย่าละเลยไปเลยจึงจะส่งผลที่จะช่วยทำให้เรานั้นยิ่งมีความสุขและไม่ต้องเสียเวลาไปกับโรคโควิทด้วยนั้นเอง ส่วนมากคนที่เป็นโควิทนั้นก็จะต้องมีการพักผ่อนให้เพียงพออันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ดีอย่างมากเลยที่เราเองก็ควรที่จะต้องให้ความสนใจและใส่ใจมากๆด้วยจึงจะดีที่สุดและแน่นอนว่าในเรื่องของโควิทนั้นในตอนนี้ก็มีสายพันธุ์ใหม่ๆเข้ามาอย่างมากมายด้วยเราจึงควรที่จะต้องระวังตัวเองให้มากๆโดยการสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกข้างนอก และในการรักษาโรคโควิทนั้นอาจจะยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะเราจึงควรที่จะต้องระมัดระวังตัวเองอย่าให้เป็นโควิทเลยจึงจะดีที่สุดเพราะถ้าหากเรายิ่งดูแลตัวเองได้ดีมากเท่าไหร่แล้วก็จะช่วยส่งผลที่จะทำให้เรานั้นมีความสุขในชีวิตด้วยและเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เราเองก็จะต้องให้ความใส่ใจกับเรื่องของร่างกายตนเองด้วยจึงจะยิ่งดีด้วยนั้นเอง

เครื่องช่วยฟัง ผู้สูงอายุมีข้อที่ควรรู้อย่างไร

ในประเทศไทยมีผู้คนกำลังประสบปัญหาหูหนวก หูตึง หรือมีความบกพร่องทางการได้ยินกันอย่างมากมาย เพราะด้วยความที่คิดว่าหูเป็นอวัยวะที่มีโอกาสได้รับความเสี่ยงน้อยกว่าอวัยวะอื่นๆ แต่การฟังเสียงก็สามารถส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อหูได้เช่นกัน ดังนั้น จึงต้องมีการดูแลและป้องกันหูอย่างดี เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาดังกล่าวตามมา และสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเหล่านี้แล้วกำลังต้องการซื้อเครื่องช่วยฟัง แต่ไม่รู้ว่าควรศึกษาอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาแชร์เรื่องที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง ผู้สูงอายุ เครื่องช่วยฟังมีหลายประเภท ข้อที่ควรรู้เป็นอย่างแรกเกี่ยวกับ เครื่องช่วยฟัง ผู้สูงอายุควรมีการศึกษาถึงข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นฐานของเครื่องช่วยฟัง เพราะเครื่องช่วยฟังนั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ดังนี้ เครื่องช่วยฟังแบบคล้องหลังหู เป็นเครื่องช่วยฟังที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องช่วยฟังประเภทอื่นๆ จะมีลำโพงและไมโครโฟน พร้อมทั้งปุ่มควบคุมการทำงาน ซึ่งจะมีท่อนำเสียงเชื่อมเข้าไปยังจุกที่จะเสียบเอาไว้ในรูหู เครื่องช่วยฟังประเภทนี้มีกำลังขยายเสียงที่หลายระดับและสูงที่สุดเพราะมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่หูตึงขั้นรุนแรงที่ต้องใช้ความดังตั้งแต่ 81 เดซิเบลขึ้นไป เครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังหู เป็นเครื่องช่วยฟังที่มีขนาดกะทัดรัน จะมีลำโพงอยู่ในช่องหูและโดยจะเสียบจุกยางที่มีการเชื่อมต่อกับสายไฟ มีเสียงที่คมชัด จะมีความคล้ายคลึงกับเครื่องช่วยฟังประเภทแรกแต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่หูตึงระดับเริ่มต้นถึงปานกลางเท่านั้น เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในช่องหู เป็นเครื่องช่วยฟังที่ได้รับการออกแบบมาให้พอดีกับช่องหูของแต่ละคนโดยเฉพาะ จึงสามารถใส่เข้าไปในช่องหูได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งท่อนำเสียง โดยจะมีหลายขนาดขึ้นอยู่กับกำลังขยายเสียง เป็นเครื่องช่วยฟังที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ทั้งยังมีฟังก์ชันเทเลคอยล์ที่เหมาะจะใช้งานในการสนทนาทางโทรศัพท์ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดเสียงหวีดหอนและช่วยให้ได้ยินเสียงผู้พูดอย่างชัดเจน เหมะาสำหรับคนหูหนวกระดับเล็กน้อยถึงมาก เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในรูหู เป็นเครื่องช่วยฟังที่มีขนาดเล็กที่สุด ในการใช้งานจะสอดตัวเครื่องเข้าไปในรูหู จึงทำให้บุคคลภายนอกสามารถสังเกตเห็นได้ยาก จะเป็นเครื่องช่วยฟังที่ออกแบบมาให้พอดีกับรูหูของแต่ละคนเช่นกัน มีฟังก์ชันการทำงานที่ถือว่าดีเยี่ยม สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคนหูหนวกระดับเริ่มต้นถึงระดับรุนแรง หลักการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังที่สำคัญ การเลือกซื้อเครื่องช่วย ผู้สูงอายุควรพิจารณาในเรื่องของขนาดและลักษณะการใช้งานให้มีความเหมาะสมกับตัวเอง […]

เลือกใช้ยาสมุนไพรรักษาริดสีดวงยังไง ให้ได้ผลที่สุด

ริดสีดวงเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายด้วยตัวเองได้ ถ้ารู้วิธีการรักษาที่ถูกต้อง โดยวิธีการรักษาไม่จำเป็นต้องหาหมอก็ได้ นั่นก็คือการรักษาด้วย สมุนไพรแก้ ริดสีดวง หากท่านใดที่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมาบ้าง ก็จะรู้ว่าสมุนไพรไทยของเราสามารถรักษาได้หลายชนิดทีเดียว ซึ่งก็ได้รับความนิยมยมากตั้งแต่สมัยก่อน จนปัจจุบันการรักษาด้วยสมุนไพรก็ยังคงมีอยู่ เพื่อให้ทุกท่านได้ใช้สมุนไพรในการรักษาริดสีดวงให้ได้ผล อยากจะแนะนำให้รู้เกี่ยวกับเคล็ดลับในการใช้สมุนไพรก่อนว่ามีวิธีการอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะใช้ จะได้รักษาโดยที่ไม่เสียเวลาเปล่า ขั้นตอนสำคัญก่อนการใช้สมุนไพรรักษาริดสีดวง มีดังต่อไปนี้ สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้สมุนไพรรักษาริดสีดวง 1. ทำความรู้จักเกี่ยวกับสมุนไพรก่อน ก่อนที่จะใช้สมุนไพรตัวไหนในการรักษาริดสีดวง สิ่งแรกที่อยากให้รู้ก็คือให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของสมุนไพรก่อน ว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละชนิดมีวิธีการรับประทานหรือใช้อย่างไร เพื่อที่จะได้นำไปใช้ให้ถูกวิธี ไม่เช่นนั้นกอาจจะใช้ไม่ได้ผล เพราะมีสมุนไพรหลายชนิด ที่มีสรรพคุณในการรักษา และบางชนิดมีสรรพคุณเพียงแค่บรรเทาอาการ 2. ทำตามวิธีการให้ถูกต้อง วิธีการในการใช้สมุนไพรรักษาริดสีดวงนั้น เขามีวิธีการที่กำหนดเอาไว้อยู่แล้วว่าสมุนไพรชนิดไหนใช้อย่างไร หากคุณต้องการอยากจะใช้ด้วยตัวเอง อยากจะทำเองทั้งหมด ก็ควรปฏิบัติตามวิธีการที่แนะนำเอาไว้ให้ครบถ้วน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาได้ผลดี 3. ปรึกษาผู้รู้ หากคุณยังไม่แน่ใช้หรือไม่มั่นใจว่าสมุนไพรอะไรใช้อย่างไร หรือจะใช้ได้ผลจริงหรือไม่ แนะนำว่าให้ครุณปรึกษากับผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของ สมุนไพรแก้ริดสีดวง ก่อน จะได้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่าการมาทำด้วยตัวเองทั้งหมด หรือจะหาข้อมูลด้วยตัวเองก่อนก็ได้ มีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมากมายเกี่ยวกับเรื่องของความรู้สมุไนพรรักษาริดสีดวง ใช้สมุนไพรรักษา ต่างจากการใช้ยาอย่างไร สำหรับความแตกต่างของการใช้สมุนไพรในการรักษาริดสีดวง กับการใช้ยารักษาทั่วไปก็คือ การใช้สมุนไพรรักษา เราจะต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่า เพราะสมุนไพรไม่ได้มีฤทธิ์มากมาย ต้องใช้เวลานานพอสมควร จึงจะได้ผลอย่างที่ต้องการ […]

ก๊าซพิษอันตราย ก๊าซตัวไหนที่คุณต้องระวัง!

ก๊าซที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเราคงจะรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ในส่วนของก๊าซที่เป็นพิษต่อร่างกาย ที่ร่างกายของถ้ารับก๊าซนี้มากเกินไปอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ ซึ่งน้อยคนมากที่จะรู้ว่าก๊าซพิษเหล่านี้มีอะไรบ้าง แล้วอันตรายจากแก๊สเหล่านี้ส่งผลอะไรต่อร่างกายของเราบ้าง วันนี้ pico เตรียมข้อมูลส่วนนี้เอาไว้หมดแล้ว มาดูไปพร้อมกันเลย  5 ก๊าซอันตราย ที่คุณควรระวังเอาไว้ให้ดี   ก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์ (Carbon monoxide)   ก๊าซพิษชนิดนี้เป็นก๊าซที่ใกล้ตัวเรามาก นั่นก็คือ ก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์ เป็นก๊าซที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น โดยส่วนใหญ่ก๊าซชนิดนี้เกิดมาจากเครื่องยนต์ที่ทำงานเผาไหม้ที่ผิดปกติ และเป็นก๊าซพิษที่โรงงานมักจะปล่อยออกมา  จึงทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมออกมารณรงค์ ไม่ให้เปิดแอร์นอนในรถ เพราะก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์ที่ออกมาจากรถยนต์ออกมาทางท่อไอเสีย และอาจรั่วเข้าไปในตัวรถจนเกิดเป็นอันตรายแก่ชีวิต  ซึ่งอาการหลังจากคุณรับก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์ในปริมาณไม่มาก จะมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แต่หากรับก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์ในปริมาณที่มาก อาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้    ก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide)   ก๊าซชนิดนี้ถือเป็นก๊าซที่อันตรายมากกว่าก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์ หากก๊าซนี้ผสมอยู่ในอากาศ 100 ppm. มีผลทำให้ผู้ที่สูดดมหมดสติ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาแค่ 30-60 นาที ซึ่งก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์เกิดจากการเผาไหม้ที่เกิดจากองค์ประกอบของคลอรีน จำพวก พลาสติก ยาง เส้นใย ขนสัตว์ หนังสัตว์ ไม้ หรือผ้า  […]

การตรวจสุขภาพในแต่ละวัย มีประโยชน์อย่างไร

สุขภาพดีเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการที่สุด ถึงแม้จะยากดีมีจนอย่างไรก็ตาม ขอแค่ให้มีสุขภาพดีอย่างเดียว ก็มีความสุขได้แล้ว แต่ถ้าเกิดมารวย แล้วสุขภาพไม่ดี ต้องเจอกับโรคร้ายตลอดเวลา ชีวิตมันก็คงไม่มีความสุขแน่นอน คนที่ต้องการจะมีสุขภาพที่ดี จึงต้องหมั่นดูแลสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือว่าการดูแลอาหารที่กินเข้าไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็น ที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคร้ายทั้งปวง และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการตรวจสุขภาพ ที่จะช่วยให้เรารู้สภาพร่างกายของเรา และเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือ และการดูแลตัวเองให้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังเตรียมตัวป้องกันโรคต่างๆ ที่มันอาจจะก่อนให้เกิดความเสี่ยงคือโรคร้าย เพื่อรักษา และป้องกันให้ทันท่วงที แล้วการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ มีการตรวจอะไรบ้าง การตรวจสุขภาพ นั้นจะแบ่งการตรวจเป็นช่วงอายุที่แตกต่างกัน  ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเพื่อที่จะหาความเสี่ยงของการเกิดโรค และป้องกันโรคต่างๆ ความผิดปรกติของร่างกาย ซึ่งจะมีขั้นตอนต่อไปนี้ -กลุ่มวัยเด็กและวัยรุ่น (อายุ 0-18 ปี) การตรวจสุขภาพสำหรับเด็กนั้น จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจร่างกายทั่วไป อย่างเช่นการตรวจสุขภาพนอกสถานที่ ที่เกิดความผิดปรกติของร่างกาย และการให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรค และเตรียมความพร้อมป้องกันโรคต่างๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับเด็ก และดูพัฒนาการการเจริญเติบโตของเด็กด้วย ว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่ หรือความผิดปรกติอย่างไรหรือไม่ -กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มวัยทำงาน การตรวจสุขภาพสำหรับคนกลุ่มนี้ จะเป็นการค้นหาความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ จากการทำงาน และความเสี่ยงที่มักจะเกิดขึ้นกับคนที่สูงอายุ อย่างเช่นโรคที่เกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด โรคเบาหวาน ความดัน […]